WAN WAN SEARCH


WANWAN HISTORY

แปลจากต้นฉบับเว็บไซต์ภาษาจีน

ผู้แปล อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี

บุคคลแห่งปี ในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ ประจำปี 2005
วานวาน ดาวดวงใหม่แห่งเว็บบล็อก ปาฏิหาริย์แห่งวงการสื่อสิ่งพิมพ์


คืน ที่ผู้คนทั้งประเทศกำลังเคาน์ดาวน์อย่างสนุกสนาน วานวานผู้ชื่นชอบดูหนังสยองขวัญกลับต้องฝันร้าย ฝันว่าตนเองยืนอยู่บนเวทีรับรางวัล “ผู้มีอิทธิพลในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ ประจำปี 2005” ของร้านหนังสือ Kingstone เผชิญกับใบหน้าที่แปลกตาหลายร้อยคน อ้ำๆ อึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ส่วนคุณแม่ก็ยืนตื่นเต้นอยู่ล่างเวที...

วานวานหวีดร้องเสียงหลง... มันอาจจะเป็นเพียงความฝันจริงๆ กระมัง ถ้าอย่างนั้น ฉันไม่ไปรับรางวัลได้ไหมเนี่ย



สุดยอดหนังสือตาบอด

หลัง จากหนังสือภาพเรื่อง “ไม่ไปทำงานได้ไหมเนี่ย Diary ภาพของวานวาน” ขายหมดห้าหมื่นเล่มในระยะเวลาสองสัปดาห์ สำนักพิมพ์เพิ่งพบว่า ชื่อเว็บบล็อกที่พิมพ์หราอยู่บนปีกปกหน้าของหนังสือนั้นผิดพลาด เนื่องจากขาดเส้นทับไปหนึ่งเส้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากคลิ้กเข้าไปในเว็บบล็อกไม่ได้ เมื่อสืบหาต้นตอ พบว่าความผิดพลาดเกิดจากตัวผู้แต่งที่มีนามว่า วานวาน นั่นเอง คุณหวง จวิ้นหลง (เจ้าของสำนักพิมพ์ ควบตำแหน่งผู้วางแผนการไปจนถึงเด็กเดินเอกสาร) ไม่เคยคิดฝันว่า วานวานจะป้ำเป๋อถึงขนาดเขียนที่อยู่เว็บบล็อกของตนเองผิดมาให้ เหมือนกับว่าบอกที่อยู่ของบ้านตัวเองที่พักอาศัยร่วมสิบแปดปีผิดพลาดนั่นเอง จึงไม่ได้ทำการตรวจสอบอีกครั้ง แต่วานวานก็เขียนผิดมาจนได้

หญิง สาวนามวานวานผู้นี้ เว็บบล็อกของเธอหลังเปิดใช้เป็นเวลาหนึ่งปีกว่า มีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่าหกล้านครั้งแล้ว โดยเฉลี่ยผู้เข้าชมประมาณหนึ่งแสนครั้งต่อวัน สถิติสูงสุดคือสามแสนครั้ง พร้อมกับฝากข้อความเอาไว้ยาวเหยียด ไร้ผู้เทียมทานในเกาะไต้หวัน ภาพดิสเพลย์ MSN ที่เธอออกแบบ ถูกดาวน์โหลดไปใช้อย่างแพร่หลาย ถึงกับมีค่ายเพลงแห่งหนึ่งแอบอ้างนำไปใช้บนเว็บไซต์ของตน นิตยสาร “จินโจวคัน” จึงแต่งตั้งเธอเป็น “ราชินีน้อยแห่งเว็บบล็อก” เปรียบเธอว่า “ทรัพย์สินร้อยล้านอยู่แค่เอื้อม” สำหรับคนในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างก็รู้ดีว่า ตัวเลขระดับนี้มันเกินความจริง แต่เมื่อนำมาใช้เปรียบเปรย “ปาฏิหาริย์ของวานวาน” กลับเป็นตัวเลขที่ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป พอดิบพอดี

“ไม่ ไปทำงานได้ไหมเนี่ย” ฉบับพิมพ์ใหม่ปกใหม่ ย่อมแก้ไขชื่อเว็บบล็อกที่พิมพ์ผิดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งเพิ่มภาพและข้อความว่า “บอดสนิท” ลงไปด้วย เหตุใดจึงบอกว่าบอด หน้าปกว่าเอาไว้เช่นนี้
1.วางแผงสองสัปดาห์ “สุข” กับยอดขายห้าหมื่นเล่ม
2.ขึ้นอันดับหนึ่งร้านหนังสือออนไลน์ Kingstone, Books
3.ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณบอดกว่าใคร





ราชินีน้อยแห่งเว็บบล็อก ที่แสนจะธรรมดา

ใน ปี 2004 คณะกรรมการบรรณาธิการพจนานุกรมฉบับเหว่ยซือ เลือกคำว่า Blog (บล็อก) เป็นคำแห่งปี (Word of the year) เว็บบล็อกเปิดฉากปฏิวัติการสื่อสารครั้งที่สองของมันเองเงียบๆ เพื่อประกาศให้รู้ว่า นี่เป็นยุคของการประชาสัมพันธ์ตนเองแล้ว บรรดาคนดังอย่าง หลอเจียเหวิน, เสิ่นฟู่สยง, SHE, เสี่ยว S มีบล็อกของตนเองได้ อาแมว อาหมาทั้งหลายก็สามารถบล็อกกันไปบล็อกกันมาได้เช่นกัน สาวน้อยนางหนึ่งนามว่าหูเจียเหวย ผู้ที่ชั่วชีวิตชื่นชอบอยู่อย่างเดียวก็คืออ่านการ์ตูนและวาดการ์ตูน ปลายปีนั้นเองก็ได้สัมผัสกับเสน่ห์ของบล็อกที่ http://www.wretch.com เริ่มต้นเธอก็ขีดๆ เขียนๆ บันทึกประจำวันของตนเองลงไปเหมือนคนอื่นๆ ต่อมาพบว่าตนเองเป็นคน “ตาบอดหนังสือ” ที่ไม่เคยตั้งใจอ่านหนังสือเอาเลยจริงๆ เพราะฉะนั้นวาดเอาง่ายกว่า จึงเริ่มลงมือวาดภาพการ์ตูนแนวน่ารัก ระบายความรู้สึกและเรื่องราวขบขันในชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงานและในครอบครัวของตนเองออกมา ส่วนที่มาของชื่อ “วานวาน” เนื่องจากละครชื่อดังเรื่อง “ซิงซิง จือ หว่อซิน” เมื่อปี 1983 ดาราเด็กประจำเรื่องที่ชื่อวานวาน มีชื่อจริงว่าหูเจียเหวย เช่นกัน เธอจึงตั้งนามปากกาให้ตนเองว่า “วานวาน” บ้าง

ใน การ์ตูน วานวานวาดรูป “ตนเอง” เป็นคนหัวล้าน กลมๆ แบนๆ โปร่งๆ โล่งๆ เหมือนมนุษย์ต่างดาว ลายเส้นเรียบง่ายยิ่งกว่า “ขนมปังไหม้เกรียม” เสียอีก ในระดับหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองก็เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีหน้ามีตาคนหนึ่งเช่นนั้น ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลคน ไปโรงเรียนในเวลาที่ควรไป สำเร็จการศึกษาในเวลาที่ควรสำเร็จ แต่ตอนเรียนจบเมื่ออายุสิบเก้าปี เธอไม่รู้ว่าควรจะเรียนต่อหรือหางานทำ บังเอิญรุ่นพี่ของโรงเรียนศิลปะฟู่ซิง มาขอตัวเธอไปช่วยงาน เธอจึงเริ่มทำงาน จนกระทั่งก่อนจะเข้ามารับงานออกแบบเว็บไซต์ให้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ขณะนี้ วานวานยังไม่ค่อยรู้จักคอมพิวเตอร์เท่าไหร่นัก “ฉันเป็นคนที่เรียนรู้ของใหม่ๆ ช้ามาก” วานวานกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

เหมือน อย่างที่วานวานพูดเกี่ยวกับตนเอง เธอไม่มีวงศ์ตระกูลที่โดดเด่น การศึกษาหรือยศตำแหน่งที่อวดใครได้ นิสัยไม่เฉื่อยแฉะแต่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นนักหนา ป้ำเป๋อเล็กน้อย ไม่สามารถต้านทานต่อเสื้อผ้าสวยๆ บางครั้งก็ย้อมผม ทาเล็บเพื่อความสวยงาม ขี่รถมอเตอร์ไซค์ อาศัยรถไฟฟ้า พกกล่องข้าวไปทำงาน หลังเลิกงานกลับถึงบ้านก็วิ่งไล่กับไกไก (สุนัขประจำบ้านของวานวาน) รักใคร่ปรองดองกับคนในครอบครัว เอะอะป้ะเทิ่ง ความฝันอันสูงสุดก็คือพยายามหาเงิน ไปเที่ยวต่างประเทศ แต่งงานมีครอบครัว ถ้าเป็นไปได้ ก็มีผลงานการ์ตูนของตนเองสักเล่ม


จับพลัดจับพลู ตะลุยเมืองหนังสือ

วาน วานเป็นคนธรรมดาที่เหมือนกับคนทำงานบริษัทระดับรากฐานทั้งหลาย ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเอง ซึ่งไม่สามารถวาดภาพตนเองอีกสิบปีให้หลัง ว่าจะเป็นอย่างไรในแวดวงอาชีพ “นักเขียนเบสท์เซลเลอร์” ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนในชีวิต

แต่ เมื่อชาวอินเทอร์เน็ตนับล้าน ที่เข้าสู่เว็บบล็อกของวานวานผ่านทาง MSN พร้อมกับมีคนมากขึ้นๆ บอกกับวานวานว่า ภาพการ์ตูนของเธอ ได้สร้างความสุขให้กับชีวิตที่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจของพวกเขาอย่างยิ่ง บรรดาสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่มีประสาทสัมผัสว่องไว จึงเริ่มต้น “ออกล่า” ซึ่งนั่นหมายความว่า ชีวิตที่แสนธรรมดาของวานวาน กำลังจะถึงจุดเปลี่ยน เข้าสู่โลกอีกโลกหนึ่ง

สำนัก พิมพ์ Revolution star ไม่ใช่สำนักพิมพ์แรกที่ติดต่อวานวาน แต่วานวานเลือกที่นี่ ด้วยเหตุผลที่ง่ายมาก “เพราะมันเป็นสำนักพิมพ์ของคุณหวงจวิ้นหลงคนเดียว” สำหรับวานวานแล้ว “สำนักพิมพ์ใหม่ ของคนคนเดียว” หมายถึงทั้งความเป็นอิสระและความเสี่ยง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอไขว่คว้ามานานแล้ว “ฉันอยากลองเสี่ยง”

เว็บ บล็อกนั้นมีจำนวนมากมายเหมือนกับมดบนผิวโลก เหมือนกับดาวบนท้องฟ้า คนเราชั่วชีวิตหนึ่งจะท่องเว็บบล็อกได้สักกี่เว็บกัน วันหนึ่ง คุณหวงจวิ้นหลงพบว่า ใน MSN มีแต่คนที่ใช้ภาพดิสเพลย์ชนิดหนึ่ง แสดงอารมณ์ เขิน, เศร้า, หนาว, สบาย, เหนื่อย, ยืด, รำคาญ, ช๊อก... มีทั้งที่คุณคิดถึงและที่คุณคิดไม่ถึง “ใครเป็นคนวาดภาพดิสเพลย์น่ารักๆ เหล่านี้ขึ้นมานะ” เขาไม่รู้ที่มาที่ไปของภาพพวกนี้ จึงพยายามค้นแล้วค้นอีก หลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดก็คลิ้กเข้ามาถึงเว็บบล็อกของวานวาน ได้พบกับผู้สร้างสรรค์ตัวจริง อีกทั้งต้องตกใจกับจำนวนผู้เข้าชม จนทำให้เขาต้องถอยออกไปตั้งหลักหนึ่งเมตร แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้หวงจวิ้นหลงอยากพิมพ์หนังสือให้วานวาน ภาพการ์ตูนของวานวานนั้นใกล้เคียงกับสภาพชีวิตจริงของคนในยุคปัจจุบัน มันสื่อถึงสภาพจิตใจของทุกคน ทำให้ผู้อ่านได้ผ่อนคลาย มีความสุข แม้แต่ตัวหนังสือที่เขียนผิดภายในภาพ ก็ยังบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ หากมีเพียงแค่ตัวเลขผู้เข้าชม นั่นกระตุ้นต่อมความคิดทำหนังสือของคุณหวงจวิ้นหลงไม่ขึ้นหรอก

รอ จนกระทั่งตัดสินใจจะพิมพ์หนังสือ เนื่องจากภาพเก่าๆ มีค่าความละเอียดต่ำ วานวานจึงต้องวาดใหม่ทั้งหมด ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งยืนยันว่า วานวานไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นหนังสือตั้งแต่แรก โดยพื้นฐานแล้ว เธอไม่ใช่คนที่ช่างจัดการบริหารตัวเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างจิมมี่ เลี่ยว Nara Yoshitomo เพียงแค่อยากโยนทุกสิ่งที่มันเป็นทุกข์ไปไว้นอกบล็อก วาดตัวเองเงียบๆ วาดแต่เรื่องที่สนุกสนาน แต่ในชีวิตคนเรา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็มักจะเกิดขึ้นอย่างนี้เสมอ

ยัง มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ อันที่จริงวานวานเหมือนมีสองคน วานวานคนหนึ่งเป็นหญิงสาววัยรุ่นทั่วไป มีความคิด ความฝันของตนเอง กล้าจะลองของ ไม่มีอุดมการณ์อะไรยิ่งใหญ่ วันทั้งวันออนอยู่ในอินเทอร์เน็ต ชอบเล่นเกมส์ “สงครามเวียดนาม” แต่วานวานอีกคนหนึ่ง ไม่สามารถแยกแยะได้ด้วย “วัย” ยกตัวอย่างเช่น เธอแทบจะไม่ดูทีวี ไม่มีเครื่องเล่น mp3 หรือ ipod มือถือเครื่องหนึ่งยี่ห้อโนเกีย ใช้มาห้าปีแล้วก็ยังใช้ต่อไป...

“ไม่ ไปทำงานได้ไหมเนี่ย” สวนกระแสตลาดในช่วงปลายปี 2005 ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลือกตั้ง คุณหวงจวิ้นหลงคาดการณ์ไม่ผิด คนในยุคนี้ต้องการความสนุกสนาน ต้องการหลบหลีกไปจากกลิ่นอายการเมืองที่มืดครึ้มอึมครึม กลับไปเสาะหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน หนังสือของวานวานจึงมีลักษณะพิเศษ “ข้ามวัย” ตามแบบฉบับของตัวเธอ ผู้อ่านมีมาจากทุกเพศ ทุกวัย ทุกรุ่นและทุกสาขาอาชีพ พวกเขาต่างก็มีชีวิตความเป็นอยู่ลักษณะเดียวกัน

วาน วานยังชื่นชอบการทำงาน ดังนั้น “ไม่ไปทำงานได้ไหมเนี่ย” ชื่อของหนังสือเล่มนี้ทำให้เธอกลุ้มใจอยู่เหมือนกัน หลังจากโด่งดังแล้ว เธอยังไปทำงานเหมือนเดิม แน่นอนเธอยังคงสร้างสรรค์ผลงานต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ต้องก้าวขึ้นเวทีเพราะแจกลายเซ็น อีกทั้งสื่อมวลชนที่ติดต่อขอสัมภาษณ์เธออย่างไม่ขาดสาย เธอยังยืนยันจะรักษาสภาพชีวิตความเป็นอยู่อย่างที่เคยเป็น เป็นตัวของเธอเองคนเดิม สำหรับหนังสือเล่มหน้า สำนักพิมพ์ Revolution star เคยประกาศว่าวานวานจะวาด “ไม่ไปโรงเรียนได้ไหมเนี่ย” แต่คุณหวงจวิ้นหลงคิดว่า “ในเมื่อทุกคนต่างก็พูดแบบนี้ พวกเราก็ทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า” ไม่อะไรดีล่ะ? เป็นหัวข้อที่น่าสนุก ชาวบล็อกนับล้านคนสามารถช่วย “เลือกเพลง” ให้วานวานได้ ไม่ไปโรงเรียนได้ไหมเนี่ย ไม่ลดความอ้วนได้ไหมเนี่ย ไม่เรียนคณิตได้ไหมเนี่ย...

ในที่สุด วานวานก็สามารถเริ่มวาดภาพของอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิมได้เสียที

Tuesday, April 7, 2009

wanwan ตอน เหตุผลข้ออ้าง

ตอน เหตุผล

October 25, 2007
理由~

WANWAN

這真的是選擇性沒錢阿~~~
แบบนี้มัน ไม่มีเงินแบบเลือกได้นี่นา

還有啊,不想答應就算了,有時候理由還怪怪的
อีกอย่างนะ ไม่รับปากก็แล้วไป แต่เหตุผลบางทีแปลกๆ อย่างเช่น

像是..

A: ㄟ那天要不要去唱歌? นี่ ไปร้องเพลงกันไหม
B:ㄜ...我喉嚨怪怪的說 เอ่อ... รู้สึกคอมันแปลกๆ อ่ะ
A:沒差吧 來玩阿 ไม่เป็นไรหรอกน่า มาเที่ยวกันสนุกๆ
B:...我沒錢耶 ...ฉันไม่มีตังค์อ่ะ
A:那天C會請客啦 วันนั้นนาย C จะเลี้ยง
B:........(思考) ... (คิด)
B:其實....我不想去 ... อันที่จริง... เราไม่อยากไปอ่ะ....
A:....不想去就說阿..=_=(講一堆理由幹麻)
ไม่อยากไปก็บอกสิ (อ้างซะมากมายทำไม)

不過這也算是不想直接拒絕別人的一種善意啦
(所以阿,男生你在約女生的時候,如果對方用很鳥的理由拒絕你..你大概心裡要有個底了...囧(不負責任發言))
反正~人家不想就是不想麻,管他說什麼理由,勉強人總是不好的
別因此影響到自己心情啦~~~
แต่อันที่จริงนั่นก็เป็นการถนอมน้ำใจอย่างหนึ่งนะ แบบว่าไม่อยากปฏิเสธตรงๆ
(ดังนั้น พวกผู้ชายเวลาขอนัดผู้หญิงฟังให้ดี ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธด้วยเหตุผลงี่เง่า
ก็จง... รู้อยู่แก่ใจได้แล้ว...)
เอาเป็นว่า ก็เค้าไม่อยากนี่นา ไม่ต้องไปสนใจว่าเหตุผลเขาคืออะไร ฝืนใจกันมันก็ไม่ดีจริงไหม
อย่าได้เสียอารมณ์กับเรื่องแบบนี้เลย


畢竟~
在意的人就輸啦~~~~(我的座右銘之ㄧ)
เพราะว่า
คนที่แคร์ คือคนที่แพ้~~~~~ (หนึ่งในคำขวัญประจำใจของฉันเอง)

ปัจฉิมลิขิต

ในเมื่อเพื่อนๆ ไม่เบื่อถ้าผมจะอัพถี่หน่อย

ก็ขออัพถี่นะครับ เพราะต้นเดือน ก.ค. ไปประเทศจีนหนึ่งเดือน

เกรงจะมาอัพไม่ได้ (อาจทิ้งทวนตูมเดียวตอนนั้นสักรอบ)

แต่อัพถี่แล้วไปตอบคอมเมนต์ไม่ทันอ่ะครับ

(ไม่ใช่ จขบ. ไม่ตอบคอมเมนต์ แล้วเพื่อนๆ ไม่คอมเมนต์นา

ไม่คอมเมนต์ไม่อัพต่อจริงๆ ด้วย งอนๆๆ มาง้อด้วย)

เอิ๊กๆๆๆ

เชิญชวนไปชมสไลด์ "จดหมายจากปี 2070" เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ในบอร์ดของ exteen ด้วยครับ

WANWAN ส่วน entry นี้

"คนที่แคร์ คือคนที่แพ้" เป็นคาถาวิเศษ ที่ผมเอาไว้บอกคนหลายๆ คนเหมือนกัน

ใช้ได้หลายๆ กรณีเลยแหละ

ถึงตอนนี้จะไม่ฮา แต่ผมชอบนะ

edit

ไม่ได้การๆ

เข้าใจผิดกันตรึม

คนที่แคร์ คือคนที่แพ้
ผมใช้กรณีว่า
เมื่ออีกฝ่ายทำอะไรให้เราต้องเจ็บช้ำน้ำใจ
เราจะ "เจ็บ" จะ "ช้ำ" ก็ต่อเมื่อเรา "แคร์"
เมื่อนั้น อีกฝ่ายก็จะ "บรรลุวัตถุประสงค์"
แล้วเรา "เจ็บ" "ช้ำ" อีกฝ่ายเห็นใจไหม ก็เปล่า
ดังนั้น หากไม่ "แคร์" ก็ไม่เจ็บช้ำ ก็จะชนะ

อย่าตีความ "แคร์" แบบนั้นสิ แง WANWAN

แวะไปอ่าน "เกิดมาซน ๒" ได้ที่อีกบ้านของผมนะครับ

No comments:

Post a Comment